Types of Solar cell ขนาดและกำลังการผลิตของแผงโซลาร์ในปัจจุบันและการเลือกแผงที่เหมาะสม

Types of Solar cell ขนาดและกำลังการผลิตของแผงโซลาร์ในปัจจุบันและการเลือกแผงที่เหมาะสม
ขนาดและกำลังการผลิตของแผงโซลาร์ในตลาดปัจจุบัน แผงโซลาร์เซลล์ในตลาดมีหลายประเภท ซึ่งกำลังการผลิตและขนาดจะแตกต่างกันไปตามประเภทและเทคโนโลยีการผลิต โดยส่วนใหญ่มีข้อมูลดังนี้:
1. แผงโซลาร์ขนาดเล็ก (Small Panels)
กำลังการผลิต: 5 - 100 วัตต์ (W)
ขนาด: ประมาณ 35x35 ซม. ถึง 100x50 ซม.
การใช้งาน: เหมาะสำหรับใช้งานในระบบพลังงานขนาดเล็ก เช่น โคมไฟโซลาร์ กล้องวงจรปิดพลังงานแสงอาทิตย์ ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์พกพา ใช้ในระบบนอกกริด (Off-Grid) ขนาดเล็ก
2. แผงโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัย (Residential Panels)
กำลังการผลิต: 250 - 450 วัตต์ (W) ต่อแผง
ขนาด: ประมาณ 1.6x1 เมตร ถึง 2x1 เมตร
การใช้งาน: ใช้ติดตั้งบนหลังคาบ้านเพื่อผลิตไฟฟ้าในระบบออนกริด (On-Grid) หรือระบบไฮบริด (Hybrid) ขนาดมาตรฐานส่วนใหญ่คือ 60-72 เซลล์ต่อแผง
3. แผงโซลาร์สำหรับอุตสาหกรรม (Industrial Panels)
กำลังการผลิต: 450 - 700 วัตต์ (W) หรือมากกว่า
ขนาด: 2.1x1.1 เมตร หรือใหญ่กว่า
การใช้งาน: ใช้ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ เช่น โซลาร์ฟาร์ม หรือโรงงานอุตสาหกรรม แผงประเภทนี้มักใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Half-Cell, Bifacial (ผลิตไฟฟ้าทั้งสองด้าน)
การเลือกแผงโซลาร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังเช่น
1. พื้นที่ติดตั้ง
หากพื้นที่ติดตั้งมีจำกัด ให้เลือกแผงที่มีประสิทธิภาพสูง (High-Efficiency Solar Panels) เช่น Monocrystalline หรือ Half-Cell Panel
หากพื้นที่กว้างขวาง อาจใช้แผงแบบ Polycrystalline ซึ่งมีราคาถูกกว่า
2. ประสิทธิภาพของแผงโซลาร์
แผงที่มี ประสิทธิภาพสูงกว่า (Efficiency) จะผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าในพื้นที่ขนาดเท่ากัน แผง Monocrystalline มีประสิทธิภาพสูง (18-22%) ขณะที่ Polycrystalline มีประสิทธิภาพรองลงมา (16-18%)
3. งบประมาณ
หากต้องการประหยัดงบประมาณ อาจเลือกแผง Polycrystalline ที่ราคาถูกกว่า แต่มีอายุการใช้งานและประสิทธิภาพต่ำกว่าเล็กน้อย หากต้องการคุณภาพสูงและความคุ้มค่าในระยะยาว ให้เลือก Monocrystalline หรือแผงแบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น PERC หรือ Bifacial
4. ความต้องการพลังงาน
คำนวณความต้องการพลังงานของระบบ เช่น บ้านทั่วไปในประเทศไทยมักใช้ไฟฟ้าประมาณ 10-20 kWh/วัน ระบบขนาด 3-5 kW เพียงพอสำหรับบ้านขนาดกลาง
5. สภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ
หากติดตั้งในพื้นที่ร้อนจัด ควรเลือกแผงที่ทนต่ออุณหภูมิสูง (Low Temperature Coefficient) พื้นที่ที่มีฝนหรือฝุ่นมาก อาจต้องเลือกแผงที่มีการเคลือบป้องกันฝุ่นหรือน้ำเกาะ (Self-Cleaning Coating)
6. การรับประกัน
ควรเลือกแผงที่มีการรับประกันประสิทธิภาพยาวนาน เช่น 25-30 ปี
แบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น Longi, Jinko, Trina Solar, Canadian Solar, หรือ SunPower มักมีการรับประกันที่ดี
พื้นที่จำกัดและต้องการประสิทธิภาพสูงควรเลือกแผง Monocrystalline กำลังผลิต 400-450W ต่อแผง สำหรับโครงการใหญ่หรือพื้นที่กว้างขวาง อาจเลือกแผง Polycrystalline หรือแผงแบบ Bifacial และคำนึงถึงคุณภาพแผง การติดตั้ง และการรับประกันจากผู้ผลิตเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในระยะยาว

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้